วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

[MV] SNSD - The Boy[Eng Ver.](Youtube HD 720p).mp4

คนเกิดวันอังคาร

คนเกิดวันอังคาร

วันอังคาร รักกับ วันอาทิตย์
คนสองคนนี้จะรักกันได้อย่างยาวนาน
การใช้ชีวิตร่วมกันต่างคนก็ต่างเก่งกาจมีความสามารถรอบตัว
รวมประสานเป็นเพื่อนคู่คิดกันได้ดี
แม้จะดื้อบ้างแต่ก็คุยกันรู้เรื่อง
ถึงไม่หวานแหววแต่รู้ใจกันน่ะ

วันอังคารรั กกับ วันจันทร์
คู่แตกต่างทั้งความรู้สึกนึกคิด
และการดำเนินชีวิต
แต่ก็เป็นคู่ที่หวานชื่น
คอยช่วยเหลือดูแลเอาใจใส่กันและกันได้เป็นอย่างดี
คอยเป็นที่พึ่งทั้งกายและใจ
ดูอบอุ่นแน่นแฟ้นกันได้

วันอังคาร รักกับ วันอังคาร 
คู่รักคู่นี้ดูไปด้วยกัน
ได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ คืออีกคนก็ขี้อ้อน
อ่อนไหวง่าย
อีกคนก็แข็งหน่อยๆใจร้อนพอประมาณ
แต่ก็รักกันอย่างซาบซึ้งกินใจ
แม้จะผลัดกันง้อ ผลัดกันงอน
แต่ก็คอยดูแลเอาใจใส่
ถนอมน้ำใจกันดี

วันอังคาร รักกับ วันพุธ
เป็นคู้รักที่รักกัน
แต่ไม่สวีตหวานแถมมีปะทะกันขัดแย้งทางความคิดบ่อยๆ
แต่รักจริงใจน่ะ
คบหากันด้วยความเข้าใจ
ถึงไม่สวีตตัวติดกัน
แต่คบกันนานแน่ๆ

วันอังคาร รักกับวัน พฤหัสบดี
คู่นี้ขี้บ่นจู้จี้พอกัน
คนหนึ่งดื้อเงียบอีกคนใจร้อน โผงผาง
แต่เก่งหัวก้าวหน้าด้วยกันทั้งคู่
แบบว่าเพลงป๊อปกับเพลงลูกทุ่ง
แต่มีอะไรช่วยเหลือด??แลกันอย่างดีที่สุด

วันอังคาร รักกับ วันศุกร์

เป็นคู่ที่มีความตื่นเต้นท้าทาย
เร้าใจเร้าอารมณ์
มีทั้งพ่อแง่แม่งอน
ออเซาะฉะเลาะกันบ้างเป็นบางเวลา
แต่ต่างก็เติมเต็มส่วนที่ขาดหายซึ่งกันและกัน
ความขี้งอนและคิดมากของอีกฝ่ายหนึ่งไม่ปัญหามันคือยาบำรุง
ผลัดกันงอนผลัดกันง้อ
น่ารักดีไปอีกแบบหนึ่ง

วันอังคาร รักกับ วันเสาร์
คู่สองเกลอหัวแข็ง
อารมณ์ค่อนข้างร้อนแรง ไม่ค่อยโรแมนติก
คนรอบข้างพากันหูเฉาะเพราะคู่นี้มักทะเลาะกันบ่อยๆ
แต่ไม่น่าเชื่อว่าทั้งคู่ก็ผูกพันอย่างลึกซึ้ง
เพราะมีอะไรคล้ายๆกันและเข้าใจกันแบบทุกๆเรื่อง

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เค้าเล่าว่า...



ผู้หญิงอ้วน มักจะนิสัยดี
ผู้หญิงหน้าตาดี มักจะมีแฟนเป็นทอม
ผู้หญิงน่ารัก แฟนมักจะไม่หล่อ
ผู้หญิงที่แฟนหล่อ จำเป็นต้องรวย
ผู้หญิงอยากรวย ต้องมีแฟนคราวพ่อ
ผู้หญิงช่างจ้อ มีแฟนมากมาย
ผู้หญิงขี้อาย มักเซ็กส์จัด
ผู้หญิงอวบอัด มักทำศัลยกรรม
..........................................................
ผู้ชายนิสัยดี มักจะขี้เหร่
ผู้ชายที่หล่อ มักไม่สุภาพ
ผู้ชายที่ทั้งหล่อ และสุภาพ มักเป็นเกย์
ผู้ชายที่หล่อ สุภาพ และไม่ใช่เกย์ มักแต่งงานแล้ว
ผู้ชายที่ไม่ค่อยหล่อ และนิสัยดี มักไม่มีสตางค์
ผู้ชายที่หล่อ นิสัยดี และมีสตางค์ มักจะคิดว่าเราเห็นแก่สตางค์ของเขา
ผู้ชายที่หล่อ แต่ไม่มีสตางค์ มักจะเห็นแก่สตางค์ของเรา
ผู้ชายที่หล่อและเป็นชายแท้ แต่นิสัยไม่ดี มักจะคิดว่าเราไม่สวยพอ
ผู้ชายที่เห็นว่าเราสวย และเหมาะกับเขา มักจะเป็นคนขาดความมั่นใจ
ผู้ชายที่หล่อ สุภาพ มีฐานะ และเป็นชายแท้ มักจะขี้อาย และกลัวการเริ่มต้น
ผู้ชายที่กลัวการเริ่มต้น มักจะเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงไม่สนใจ
..........................................................
จบ

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทำนายดวง ตามราศีในศาสตร์อินเดีย

อัศวินี (14-27 เมษายน)
คนราศีนี้เป็นคนแข็งแกร่ง มีอำนาจ และชอบมองหาความท้าทายให้กับชีวิตอยู่เสมอ มีบุคลิกร่าเริงแจ่มใส งดงาม เฉลียวฉลาด และเปิดเผย แต่ถึงกระนั้นก็มีความลึกลับอยู่ในตัว บางครั้งเป็นคนเข้าใจยากในเรื่องความรัก ซึ่งคนราศีนี้ คุณกำลังมองหาคู่ที่เพียบพร้อม และสมบูรณ์แบบ แต่ตัวคุณเองมักไม่พร้อมที่จะมีพันธะกับใคร มีสัญลักษณ์เป็น หัวม้า หมายถึง แจ่มใส ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ ภรณี สีประจำตัว คือ สีแดงเข้ม ธาตุ ลม คนดังราศีนี้ ได้แก่ เจมส์ คิง, แจ็ก นิโคลสัน, วิกเตอเรีย เบคแฮม

ภรณี (28 เมษายน-11 พฤษภาคม)

คนราศีนี้เป็นคนที่มีเสน่ห์ทางเพศ ชื่นชมความงาม และชื่นชอบศิลปะทุกรูปแบบ แต่ควรระวังอย่าหมกมุ่นในเรื่องเพศจนมากเกินไป บางครั้งอาจจะเป็นคนก้าวร้าว และดูเหมือนเห็นแก่ตัว จึงต้องหาคู่ที่ไม่กลัวการผูกมัด อีกยังสามารถสนองตอบความต้องการทางโลกีย์ และเพศรสได้ มีสัญลักษณ์เป็น โยนี (อวัยวะเพศหญิง) หมายถึงมีเสน่ห์ทางเพศ ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ อัศวินี สีประจำตัว คือ สีแดงเข้ม ธาตุ ไฟ คนดังราศีนี้ ได้แก่ ออเดรย์ แฮปเบริน์, เดวิด เบคแฮม, อูม่า เทอร์แมน

กฤติกา (12-25 พฤษภาคม)

คนราศีนี้เป็นคนทุ่มเท ฉลาด แต่สุขุมเยือกเย็นเมื่อยามเกิดวิกฤต แต่มักเป็นคนโมโหง่าย และถึงแม้จะไม่ชอบการเผชิญหน้า แต่ก็เป็นคนที่สู้ไม่ถอย และเป็นคนที่เปิดกว้างต่อโลกภายนอก แต่ก็เคร่งครัดในศาสนาด้วยในเวลาเดียวกัน ถึงเม้จะกำลังตามหารักแต่ก็ยังกลัวการผูกมัดอยู่ดี มีสัญลักษณ์เป็น ใบมีด หมายถึงไฟ ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ เชษฐา สีประจำตัว คือ สีขาว ธาตุ น้ำ คนดังราศีนี้ ได้แก่ แชร์, ทิม รอทุ่ม, นาโอมิ แคมป์เบลล์

โรหิณี (26 พฤษภาคม-8 มิถุนายน)


คนราศีนี้มักเป็นคนอ่อนไหวง่าย เปลี่ยนแปลงตัวเองได้รวดเร็ว เอาแน่เอานอนอะไรไม่ค่อยได้ แต่ก็มีเสห่ห์ และชอบความสุขสบาย อาจเพราะเป็นคนขี้หึง จึงมักเจ็บปวดได้ง่าย เมื่อดูจากภายนอกอาจจะเป็นคนไม่ผูกพันกับใคร แต่ลึกๆ แล้ว ใฝ่หาความรักจนสุดตัวทีเดียว มีสัญลักษณ์เป็น ล้อรถ หมายถึงความงาม ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ อนุราธ สีประจำตัว คือ สีขาว ธาตุ น้ำ คนดังราศีนี้ ได้แก่ โนล กัลลาเกอร์น, มาริลีน มอนโร, พริ้นซ์

มฤคศิร (9-21 มิถุนายน)

คนราศีนี้เป็นคนเข้มแข็ง แถมหัวไว และฉลาดเป็นกรดที่เดียว ถ้าทุ่มเถียงหรือทะเลาะกับใครก็ต้องชนะให้ได้ คนราศีนี้เกิดมาเป็นผู้นำ ชอบมีอำนาจเหนือผู้อื่น และแม้คุณต้องการมีคู่ชีวิต แต่ก็มีเพียงคนที่คุณต้องการจริงๆ เท่านั้นที่จะกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของคุณได้ สัญลักษณ์ประจำราศี เป็น ศีรษะกว้าง หมายถึงสติปัญญา ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ หัฏฐะ สีประำจำัตัว คือ สีเงิน ธาตุ ไฟ คนดังราศีนี้ ได้แก่ พอล แม็กคาร์ตนีย์, เอลิซาเบท เฮอร์ลีย์, จอห์นนี่ เด็ปป์

อารทรา (22 มิถุนายน-5 กรกฏาคม)

คนราศีนี้เป็นคนที่มักประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นที่ชื่นชอบของใครๆ จึงมักวุ่นวายอยู่เสมอ และมักให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของคนอื่นมากเสียจนบางครั้งละเลยความคิดตัวเองไป ความที่เป็นคนชอบฟังคำซุบซิบนินทา และชอบออกงานสังคม อาจทำให้คุณดูเหมือนเป็นคนมีความคิดตื้นเขิน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่คนแบบนั้นเลย คุณยอมสละได้ทุกอย่างเพียงเพื่อทำให้ฝันนั้นเป็นจริง สัญลักษณ์ประจำราศี เป็น เพชร หมายถึง นักยุทธศาสตร์ ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ มฤคศิร สีประจำตัว คือ สีเขียว ธาตุ ลม คนดังราศีนี้ได้แก่ เจอร์รี่ ฮอล, จอร์จ ไมเคิล, ทอม ครูซ

ปุนัพสุ (6-19 กรกฎาคม)

คนราศีนี้เป็นคนน่ารัก มักห่วงใย และใส่ใจผู้อื่น คุณชอบตั้งเป้าหมาย และทะยานไปสู่ความสำเร็จเสมอ ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกว่าตัวเองขาดหลักในชีวิต คุณอยากมีครอบครัวใหญ่ๆ แต่ถ้าไม่มีก็จะพยายามเข้าใกล้กลุ่มคนที่เปิดโอกาสให้คุณได้ใช้สัญชาตญาณ ความเป็นแม่ แต่ระวังบรรดาคู่รักของคุณจะเซ็งเสียก่อน สัญลักษณ์ประจำราศี คือ คันธนู หมายถึง ความเป็นแม่ ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ ภรณี สีประจำตัว คือ สีเทา ธาตุ ลม คนดังราศีนี้ ได้แก่ จิออร์จิโอ อาร์มานี่, แอนนา ฟริเอล, คอร์ตนีย์ เลิฟวง

ปุษยะ (20 กรกฎาคม-2 สิงหาคม)

คนราศีนี้เป็นคนขยัน ทุ่มเทให้กับการทำงาน และมีความสามารถในการปั้นความคิดให้เป็นความจริงขึ้นมา มีความคิดสร้างสรรค์ หากวางแผนดีๆ คุณก็จะประสบความสำเร็จในการงานได้ไม่ยากนัก การแสดงความรู้สึกสำหรับคุณแล้วอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ต้องพยายามหน่อย ไม่เช่นนั้นคู่ครองของคุณอาจจะรู้สึกว่าเขาหรือเธอ ไม่เป็นที่ต้องการก็ได้ สัญลักษณ์ประจำราศีเป็น ดอกไม้ หมายถึง สีสันสะดุดตา ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ อัศวินี หรือ อาศเลษา สีประจำตัว คือ สีแดง และดำ ธาตุ ไฟ คนดังราศีนี้ ได้แก่ จีเซลล์ บุนด์เชนี้, มิก แจ็กเกอร์, เจนนิเฟอร์ โลเปซ

อาศเลษา (3-16 สิงหาคม)

คนราศีนี้อาจจะดูเป็นคนขี้เกียจ แต่จริงๆ แล้วสมองไว คิดเร็วทำเร็ว ไม่เคยหยุดนิ่ง รักอิสระ และอาจจะรักสันโดษด้วย รักความสงบ ไม่บ่อยนักที่จะโกรธใคร แต่ถ้าใครมาแหยมเป็นเจอดี และแม้ว่าจะเป็นคนขึ้หึง แต่ก็ไม่ได้อยากให้คู่ ของคุณมีนิสัยอย่างเดียวกัน สัญลักษณ์ประจำราศี เป็น งูพิษ หมายถึง อำนาจสะกดใจ ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ บุษยา สีประจำตัว คือ สีแดง ธาตุ น้ำ คนดังราศีนี้ ได้แก่ มาดอนน่า, อัลเฟรด ฮิตช์ค็อกกียจ, เจอรรี่ ฮัลลิเวลล์

มาฆะ (17-30 สิงหาคม)


คนราศีนี้เป็นคนเฉลียวฉลาด เอาตัวรอดเก่ง ร่าเริงแจ่มใส ใครเห็นใครหลง แถมเป็นผู้นำที่ใจดี แต่แฝงด้วยความเข้มแข็ง ข้อดีเหล่านี้ทำให้คนมากมายชื่นชอบในตัวคุณ แต่ขณะเดียวกันก็จะมีคนคอยอิจฉาด้วย คุณมีความสุขดีอยู่กับชีวิตรัก แต่คนรักในอุดมคติของคุณนั้นค่อนข้างจะหายากทีเดียว สัญลักษณ์ของราศี เป็น วอ หมายถึง ชื่อเสียง ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ เชษฐา สีประจำตัว คือ สีครีม ธาตุ น้ำ คนดังราศีนี้ ได้แก่ โรเบิร์ต เดอ นีโร, คาเมรอน ดิแอซ , แมทธิว เพอรี่

บุรพผลคุนี (31 สิงหาคม-13 กันยายน)

คนราศีนี้เป็นคนที่อบอุ่น มีเสน่ห์ และดวงดี แม้คุณทำงานหนัก แต่คุณก็รู้จักหาความสุขให้กับชีวิต ความกระตือรือร้นที่มีอยู่เต็มเปี่ยมจะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ นอกจากนี้ คุณยังเป็นคนจริงใจไม่ชอบโกหก รสนิยมของคุณนั้นเลิศหรู คุณมักจะเป็นคนสร้างสีสันให้กับงานเลี้ยงเสมอๆ คุณอยากให้ตัวเอง และคู่มีเป้าหมายเดียวกัน และเคียงข้างกัน ก้าวไปสู่เป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ สัญลักษณ์ของราศี เป็น เตาผิง หมายถึง โชค ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ มาฆะ สีประจำตัว คือ สีน้ำตาล ธาตุ ไฟ คนดังราศีนี้ ได้แก่ ราเควล เวลช์, ฮิวจ์ แกรนต์, สเทลล่า แม็กคาร์ตนีย์

อุตรผลคุนี (14-26 กันยายน)

คนราศีนี้เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี หนักแน่น และเกิดมาเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง เป็นเจ้าแห่งยุทธวิธี และเป็นนักวางแผนที่ดี แต่ความรู้สึกไม่ค่อยมั่นคง และตึงเครียด อาจจะทำให้คุณประพฤติตนไร้เหตุผล เกิดความประหม่า และไม่มั่นใจได้ คุณมักจะคอยเป็นกำลังใจให้กับคู่ของคุณเสมอ และก็หวังให้เขาหรือเธอเห็นคุณค่าของสิ่งที่คุณทำ พร้อมจะตอบแทนคุณด้วยความรัก สัญลักษณ์ของราศี เป็น ขาเตียง หมายถึง การสู้ชีวิต ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ บุรพผลคุนี สีประจำตัว คือ สีฟ้าสดใส ธาตุ ลม คนดังราศีนี้ได้แก่ เกรตา การ์โบ, แคตเทอรีน ซีต้า โจน, เฟอร์นันดา ตาวาเรสน

หัฏฐะ (26 กันยายน-10 ตุลาคม)


คนราศีนี้เป็นคนมีเสน่ห์ และเป็นคนน่าสนใจ แต่ก็เป็นคนที่อารมณ์เสียได้ง่ายๆ คุณจะทะเยอทะยานที่จะเป็นเจ้าของชะตาชีวิตของตัวเอง บางครั้งอาจจะดูเหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่จริงๆ แล้วคุณเป็นคนใจกว้างกว่าใครๆ และเมื่อคุณตกลงปลงใจกับคู่ของคุณแล้ว คุณจะดูแลเอาใจใส่เขาหรือเธอเป็นอย่างดี คุณจะเป็นผู้ให้ที่แสนอารี สัญลักษณ์ของราศี เป็น ฝ่ามือ หมายถึง การฝึกตนด้วยโยคะ ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ มฤคศิร สีประจำตัว คือ สีเขียว ธาตุ ลม คนดังราศีนี้ บริจิตต์ บาร์โดต์ส, เคต วินสเลต่ห์, มหาตมะ คานธีห์
จิตรา (11-23 ตุลาคม)


คนราศีนี้ เป็นคนชอบเข้าสังคม รักชีวิตกลางแจ้ง และชอบเม้าท์เป็นชีวิตจิตใจ คุณอาจจะดูมีความสุขกับการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ และมักหาเพื่อนใหม่ได้ง่ายๆ แต่โดยธรรมชาติของคุณแล้ว คุณรักความสันโดษ แม้จะอยากใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนแค่ไหนก็ตาม แต่คุณก็ไม่เคยทุ่มให้เขาหรือเธอแบบเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ได้สักที สัญลักษณ์ของราศี เป็น ไข่มุก หมายถึง ความงาม ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ หัฏฐะ สีประจำตัว คือ สีดำ ธาตุ ไฟ คนดังราศีนี้ ได้แก่ ออสการ์ ไวลด์, ออเดรย์ มาร์เน่ย์ม, เอมิเนม

สวาตี (24 ตุลาคม-6 พฤศจิกายน)

คนราศีนี้เป็นคนแอกทีฟ ไม่เคยอยู่นิ่ง แต่มักจะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอะไรเป็นสิ่งต่อไป เพราะอยากทำนู้น ทำนี่ เต็มไปหมด ถึงแม้ว่าคุณมีอุดมการณ์เป็นแรงบันดาลใจ และเป็นพลังขับเคลื่อน แต่คนชอบหาว่าคุณเป็นจอมบงการ จริงๆ คุณก็แค่มีความมุ่งมั่นเท่านั้นเอง ส่วนในด้านความรัก พันธะทางใจต่อกันนับเป็นคุณสมบัติสำคัญที่สุดสำหรับคู่รักในอุดมคติของคุณ สัญลักษณ์ของราศี เป็น ปะการัง หมายถึงความทะเยอทะยาน ราศีที่เหมาะเป็นเนี้อคู่ คือ ภรณี สีประจำตัว คือ สีดำ ธาตุ น้ำ คนดังราศีนี้ได้แก่ ยัสมิน เลอ บอน, อีธาน ฮอค, วิเวียน ลีห์

วิสาขะ (7-19 พฤศจิกายน)


คนราศีนี้เป็นคนมีความทะเยอทะยาน แต่ใช่ว่าความสำเร็จทางด้านวัตถุจะทำให้คุณพอใจเสมอไป หากเพียงแค่ต้องการเติมชีวิตให้เต็ม อาจจะต้องเปลี่ยนการมองโลกเสียใหม่ ข้อดีของคุณก็คือ สามารถเข้ากับคนได้ทุกระดับ มีความสนใจในสิ่งต่างๆ หลากหลาย และแม้ว่าคุณยอมรับการผูกพันกับใครคนใดคนหนึ่ง แต่คุณก็ยังคงต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง สัญลักษณ์ของราศี เป็น แท่นปั้นหม้อ หมายถึง ความหวัง ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ จิตรา สีประจำตัวคือ สีทอง ธาตุ น้ำ คนดังราศีนี้ได้แก่ โคลเอ้ เซวิญญี, คาลวิน ไคลน์ะ, คาลิสต้า ฟลอกฮาร์ต
อนุราธ (20 พฤศจิกายน-2 ธันวาคม)


คนราศีนี้เป็นคนที่มีความขัดแย้งอยู่ในตัว บางครั้งคุณอาจจะสนใจในเรื่องของจิตวิญญาณ แต่ก็วัตถุนิยมแบบสุดขั้ว ใจดีก็ได้ ใจร้ายก็บ่อย คุณมักเป็นคนสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้างได้ในนาทีหนึ่ง แต่ก็กลับหดหู่ซึมเซาในนาทีถัดมา ดังนั้นคุณจึงมักจะไขว่คว้าหาทางสายกลางอยู่ตลอดเวลา คุณกำลังตามหารักแท้ และก็พร้อมจะสละทุกสิ่งเพื่อมัน สัญลักษณ์ของราศี เป็น ดอกบัว หมายถึง ความรัก ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ เชษฐา สีประจำตัว คือ สีน้ำตาลแดง ธาตุ ไฟ คนดังราศีนี้ ได้แก่ โจดี้ ฟอสเตอร์น, จิมมี เฮนดริกซ์, เม็ก ไรอัน
เชษฐา (3-15 ธันวาคม)


คนราศีนี้เป็นคนร่าเริง มีความทะเยอทะยาน ต้องการประสบความสำเร็จในสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน และเชื่อได้เลยว่าคุณจะทำสำเร็จ หากคุณมีวินัยในตัวเองมากพอ คุณเชื่อมั่นในเรื่องจิตวิญญาณ แต่ก็นิยมยินดีกับเพศรส บางครั้งอาจจะประหม่าไปบ้าง แต่ต้องแสดงออกว่ามั่นใจเอาไว้ก่อน นอกจากนี้คุณยังเป็นคนขี้หึง ในขณะที่ตัวเองเป็นคนหลายใจ คุณต้องการคู่ที่ทำหน้าที่คู่สนทนาได้อย่างชาญฉลาด สัญลักษณ์ของราศี เป็น ตุ้มหู หมายถึง ความสง่างาม ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ มาฆะ สีประจำตัว คือ ครีม ธาตุ ลม คนดังราศีนี้ ได้แก่ มาเรีย แคลลาส, นิโคล แอปเพิลตัน, บริดเจ็ต ฮอลล์น

มูละ (16-28 ธันวาคม)

ราศีนี้เป็นคนที่ชอบทดลองของใหม่ๆ อยู่เสมอ และยังเป็นผู้นำที่มองโลกในแง่ดีอีกด้วย คุณก็เป็นคนเบื่อง่าย แต่เป็นคนปรับตัวเก่ง จึงมักลุกขึ้นมาเปลี่ยนอะไรๆ ได้เมื่อสิ่งต่างๆ รอบตัวนั้นดูราบเรียบเกินไป ความสัมพันธ์ระหว่างคุณ และคู่จะเป็นไปได้ด้วยดี ตราบใดที่เขาหรือเธอยอมให้คุณเป็นตัวของตัวเองต่อไป สัญลักษณ์ของราศี เป็น หางสิงโต หมายถึง ความไม่หยุดนิ่ง ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ บุพพาสาฬหะ สีประจำตัว คือ สีเหลืองมัสตาร์ด ธาตุ ลม คนดังราศีนี้ ได้แก่ เอวา การ์ดเนอร์, แบรด พิตต์, เฮเลน่า คริสเตนเซ่น

บุรพสาฬหะ (29 ธันวาคม-11 มกราคม)

ราศีนี้เป็นคนสร้างสรรค์ มีความเฉลียวฉลาด และมีปัญญา หากคุณได้ทำงานที่ตรงกับความสามารถของคุณทุกอย่างจะผ่านฉลุยทีเดียว ผลที่ได้ก็จะเป็นที่น่าพอใจ คุณเปลี่ยนตัวเองไปได้เรื่อยๆ แต่อาจจะพบความยุ่งยากหากคู่ ของคุณไม่ยอมเปลี่ยนตามไปด้วย สัญลักษณ์ของราศี เป็น งาช้าง หมายถึง บุคลิกที่โดดเด่น ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ เรวดี สีประจำตัว คือ สีดำ ธาตุ ไฟ คนดังราศีนี้ ได้แก่ เดวิด โบวี่, แม็กกี้ ไรเซอร์, จู๊ด ลอว์ร

อุตตราสาฬหะ (12-24 มกราคม)

ราศีนี้เป็นคนคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง สมองดี เข้าขั้นปัญญาชน มักจะต้องทำสิ่งที่ตั้งใจ และไล่ตามความฝันได้โดยไม่ย่อท้อ คุณเกลียดการหลอกลวง และคนโกง คุณจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้ทำลายคนพวกนี้ให้สิ้นซาก หนึ่งในความต้องการของคุณคือ การได้อยู่คนเดียว ดังนั้นความสัมพันธ์ของคุณอาจจะซับซ้อนและยุ่งยากกว่าคนอื่น สัญลักษณ์ของราศี เป็น ขาเตียง หมายถึง การสันโดษ ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ อุตตรภัทรบท สีประจำตัว คือ สีทองแดง ธาตุ น้ำ คนดังราศีนี้ ได้แก่ มูฮัมหมัด อาลี, เคต มอสระ, เมล ซี

ศรวณะ (25 มกราคม-6 กุมภาพันธ์)

คนราศีนี้มักมีสมองเฉียบแหลมราวมีดโกน และรูปลักษณ์ภายนอกอันแข็งแกร่งไว้เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเอง คุณถวิลหาความสงบท่ามกลางสรรพเสียงแห่งชีวิต คุณเป็นผู้ฟังที่ดี และเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาให้ผู้อื่น คู่ของคุณจะต้องเคารพเงื่อนไขที่คุณตั้งไว้ และจะต้องเข้าใจด้วยว่าบางครั้งคุณก็ต้องการที่จะอยู่คนเดียว สัญลักษณ์ของราศี เป็น หู หมายถึง ความเงียบ ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ อุตตรภัทรบท สีประจำตัว คือ สีฟ้า ธาตุ น้ำ คนดังราศีนี้ ได้แก่ ฮีเทอร์ เกรแฮมี, พอล นิวแมน, มินนี่ ไดรเวอร์

ธนิษฐา (7-19 กุมภาพันธ์)


คนราศีนี้เกิดมาพร้อมกับพรพิเศษในทางสายธรรม แต่ก็ใช่ว่าจะทิ้งเรื่องทางโลก คุณเป็นคนที่มีความสามารถรอบด้าน บุคลิกโดดเด่น สง่างาม ผ่องใส และไม่เห็นแก่ตัว คู่ของคุณอาจจะรู้สึกว่าคุณทำตัวห่างเหิน แต่หากคุณพบคู่ที่ได้วาดฝันไว้แล้วล่ะก็ คุณก็จะซื่อสัตย์กับเขาหรือเธออย่างที่สุด และเป็นโชคของคุณที่คนรอบข้างนั้นยอมรับข้อเสียหลายๆ อย่างของคุณได้ สัญลักษณ์ของราศี เป็น ขลุ่ยหรือกลอง หมายถึง ดนตรี ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ ศตภิษัช สีประจำต้ว คือ สีเงิน ธาตุ ไฟ คนดังราศีนี้ ได้แก่ เจนนิเฟอร์ อนิสตันา, มีอา ฟาร์โรว์, คริสตินา ริชชี่

ศตภิษัช (20 กุมภาพันธ์-4 มีนาคม)

ราศีนี้เป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการ ดูลึกลับในบางครั้ง และชอบตั้งเป้าหมายที่ไกลเกินเอื้อมให้กับตัวเอง คุณเป็นคนมองการณ์ไกลแต่ขาดความมั่นใจ คุณต้องการมีความสัมพันธ์ที่น่าตื่นเต้น แต่ฝ่ายตรงข้ามจะรู้ได้อย่างไร หากคุณไม่เริ่มต้นส่งสัญญาณให้เขาหรือเธอได้รับรู้เสียก่อน สัญลักษณ์ของราศี เป็น ดวงดาว หมายถึง ความรู้แจ้ง ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ ธนิษฐา สีประจำตัว คือ สีเขียวอ่อน ธาตุ ลม คนดังราศีนี้ ได้แก่ ดรูว์ แบร์รี่มอร์, เอลิซาเบท เทย์เลอร์, เอสเทอร์ คัญญาดาสร์

บุรพภัทรบท (5-17 มีนาคม)

คนราศีนี้เป็นคนอ่อนไหว และมักจะเอาใจใส่ห่วงใยคนรอบข้างเสมอ ทำให้คนมากมายชอบเข้ามาขอคำปรึกษาจากคุณ ถึงแม้ตอนนี้คุณจะประสบความสำเร็จทางด้านวัตถุแล้วก็ตาม คุณก็ควรวางแผนการเงินของคุณให้ดี นอกจากนี้คุณยังเป็นคนที่มักจะมองคนข้างกายในแง่ดีเกินจริง และเมื่อพูดถึงความสัมพันธ์แล้ว คุณอาจจะดูเหมือนเป็นฝ่ายที่ต้องพึ่งพาเขาหรือเธอ แต่จริงๆ แล้วคุณเป็นคนที่พึ่งตัวเองได้โดยไม่ต้องง้อใคร สัญลักษณ์ ดาบ หมายถึงสันติสุข ราศีเนื้อคู่ อุตตร ภัทรบท สี เงิน ธาตุ ลม คนดังราศีนี้ ชารอน สโตน, รูดอล์ฟ นูเรเยฟว, ทอร่า เบิร์ช

อุตตรภัทรบท (18-31 มีนาคม)

คนราศีนี้เป็นคนฉลาด แถมเป็นคนใจบุญ มีอุดมการณ์ และเคารพความฝันของผู้อื่น คุณมักเชื่อในเรื่องโชคชะตา และมักมีความรู้สึกไม่อยากยุ่งเกี่ยวผูกพัน ไม่ชอบยึดติดกับสิ่งต่างๆ ในชีวิต คุณจะเป็นครูที่ดีได้ถ้าเลือกจะไปทางนั้น คุณมักจะ พยายามประคองความสัมพันธ์ให้อยู่รอด แต่ถ้ามันไม่งอกงามคุณก็พร้อมจะตัดใจและก้าวไปข้างหน้าต่อไปทันที สัญลักษณ์ของราศี เป็น ฝาแฝด หมายถึง ความมืดที่งดงาม ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ เรวดี สีประจำตัว คือ สีม่วง ธาตุ ไฟ คนดังราศีนี้ ได้แก่ ไดน่า รอสท, ซาราห์ เจสสิก้า ปาร์กเกอร์ณ์, แกรี่ โอลด์แมนสร์

เรวดี (1-13 เมษายน)

ราศีนี้คุณเป็นคนมีจิตใจเมตตา ห่วงใยผู้อื่นเสมอ และเป็นคนอ่อนไหว คุณมักอุทิศตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แต่เป็นประเภทปิดทองหลังพระ คุณเป็นคนมีความงาม แต่ขาดความมั่นใจ คุณต้องเรียนรู้ที่จะศรัทธาและไว้ใจคนอื่นไว้บ้าง สำหรับเรื่องของความรัก คุณเป็นคนโรแมนติก คุณจึงต้องการคนที่เข้าใจว่าลึกๆ แล้วคุณต้องการอะไร สัญลักษณ์ของราศี เป็น ปลา หมายถึง ความบริสุทธ์ ราศีที่เหมาะเป็นเนื้อคู่ คือ อุตตรภัทรบท สีประจำตัว คือ สีน้ำตาล ธาตุ น้ำ คนดังราศีนี้ ได้แก่ มาร์ลอน แบรนโด, วิเวียน เวสต์วูด, รัสเซล โครว์ด

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

เพื่อน

เพื่อนช่วยเพื่อน ตลอดไป ได้เสมอ
เพื่อนจะเผลอ เพื่อนจะพลาด ซักแค่ไหน
ความเป็นมิตร ยังติดอยู่ คู่แรงใจ
ให้ก้าวไป ในสิ่ง ที่ต้องการ
เพื่อจะทุกข์ เสียน้ำตา และร้องไห้
ความห่วงใย ทีมีนั้น ยังคอยสาน
ประกอบใจ ของเพื่อนนี้ ที่แหลกราญ
พาพ้นผ่าน ความทุกข์ช้ำ ที่ค้ำใจ
แม้เวลา เนิ่นนาน ผ่านจากนี้
แต่สิ่งดี จะยังอยู่ ไม่หวั่นไหว
ถึงเวลา จะผ่าน นานเท่าไร
แต่จิตใจ มีเพื่อน ตลอดมา
จะไม่ลืม เพื่อนคนนี้ ชั่วชีวิต
อยู่เป็นมิตร คอยดูแล และรักษา
ให้ความรัก คงอยู่ ตลอดมา
มิตรภาพ จะล้ำค่า ตลอดไป$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$

จากเวลายาวนานเริ่มผ่านพ้น
ทำให้คนหลายคนเริ่มใจหาย
เริ่มตั้งแต่วันแรกได้ทักทาย
จนสุดท้ายเป็นเพื่อนซี้ดีต่อกัน
แม้ว่าเพื่อนจะอยู่แห่งหนใด
ให้รู้ไว้ว่าห่วงใยไม่แปรผัน
จะไม่ลืมเวลาเคยผูกพัน
เป็ฯเพื่อนกันอย่างนี้ตลอดไป
คงถึงคราวโบกมือลาประสาเพื่อน
มิลืมเลือนแม้เพื่อนจะอยู่ไหน
แม้ว่าเพื่อนคนนี้จะจากไกล
แต่หัวใจอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
จากวันแรกเมื่อได้พบและสบตา
เริ่มรู้ค่าสิ่งหนึ่งซึ่งความหมาย
จวบจนเธออยู่กับฉันเพื่อนหญิงชาย
สิ่งหลากหลายเกิดมากมายในชีวิต
จากจุดหนึ่งถึงจุดนี้ยังคงมั่น
จะผูกพันธ์ฉันเพื่อนเสมือนมิตร
จวนจะจากจวนจบจำจับจิต
จึงหวนคิดความหลังมิห่างกาย
จากลาเพื่อนเตือนจิตคิดเสมอ
เมื่อมีเธอมีฉันดังใจหมาย
จะมีเผลอลืมเลือนแล้วเคลื่อนคลาย
จนชีพวายชีวาหาชั่วกาล

................................................................
กาลครั้งหนึ่งไม่นานนัก
ณ ดินแดนแห่งอาณาจักรความฝัน
มีชายหญิงกลุ่มหนึ่งเกิดรักกัน
สานสัมพันธืรักมั่นไม่มีวันตาย
และแล้วก็มาถึงกาลครั้งสอง
ความรักของเพื่อนผองก็ยังมากหลาย
ตราบเท่านานรักมั่นไม่มีวันตาย
มิตรภาพไม่มีวันจางหายไปกับสายลม
กาลครั้งต่อจากนี้
ทุกวันเวลาที่มีไม่ได้สุขสม
แต่เชื่อเถอะนะมิตรภาพมันทำให้ลืมความทุกข์ตรม
ความทรงจำจะช่วยลบความขื่นขม
"ออกจากใจ"
++++++++++++++++++++++++++++++

เพื่อนจากไกลใครเล่าคอยคิดถึง
เลขเกรดหนึ่งใครเล่าซึ่งที่ปรึกษา
จะซื้อของใครเล่าช่วยต่อราคา
ถ้าถูกด่าใครกันนะจะช่วยทัน
อยู่ที่นั่นจะไปไหนใครไปส่ง
เกิดพลัดหลงใครจะช่วยนำทางฉัน
ในโลกกว้างใครบ้างช่วยฝ่าฟัน
ในความฝันใครกันช่วยยินดี
ใจเรียงร้อยเรื่องราวร่ำลาเพื่อน
คอยย้ำเตือนไม่มีเลือนพวกเพื่อยซี้
เสมอต้นเสมอปลายแม้กี่ปี
ทุกนาทีเพื่อนจะอยู่ในหัวใจ
___________________________________

เพื่อนคือ คําหนึ่ง ซึ่งสูงค่า
มีที่มา เนิ่นนาน โบราณ เหลือ...
เพื่อนของพริก รับรอง ต้อง เป็นเกลือ
เพื่อนของเรือ นั่นหรือ ก็คือพาย
เพื่อนของช้าง ปางไหน ก็ใช้ โซ่
เพื่อนของปลา นั้นโอ้โห คือธารสาย
เพื่อนแครอท แน่นัก คือ กระต่าย
เพื่อนของ ช้อน คิดสบาย คือถ้วยจาน
เพื่อนของ เสือ แน่นอน ว่าคือป่า
เพื่อนของ หญ้า คือดิน ทุกถิ่นฐาน
เพื่อน วันนี้ จงเชื่อมั่น คือวันวาน
เพื่อนของ ฉัน..อ่ะเหรอ คือ เธองัย
........................................................................

มิตรภาพที่ดีไม่จำเป็นต้องฉลาด
ต้ององอาจกล้าหาญหรือสะสวย
มิตรที่ดี ไม่จำเป็นต้องร่ำรวย
&ไม่ต้องหมวยสวยเก๋นักกีฬา
มิตรที่ดีอาจจนก็เป็นได้
อาจจะโง่ขี้อายหรือเหรอหรา
แต่พวกเขา พร้อมช่วยเพื่อนทุกเวลา
ไม่คิดค่าตอบแทนแต่อย่างไร
เพื่อนจะดี ดีที่ใจใช่ใบหน้า
อาจเหมือนผ้าที่ดูสวยแต่ขาดได้
ต่างกับ เพื่อนดีที่ใจใช่คนร้าย
ก็เปรียบได้กับผ้าที่ทนทาน
.....................................................

ขอขอบคุณ…ที่ช่วยแต่งแต้มวันหงอยเหงาให้ สดใส
ขอขอบคุณ…ที่มอบดอกไม้แห่งน้ำใจให้ ฉัน
ขอขอบคุณ…ความผูกพันที่มีให้ กัน
ขอขอบคุณ…สายสัมพันธ์แห่งความจริง ใจ
ขอขอบคุณ…ความอาทรความห่วงใย
ขอขอบคุณ…ความเข้าใจไม่มีวันล่ม สลาย
ขอขอบคุณ…กาลเวลาที่พาเรามาทัก ทาย
ขอขอบคุณ…สิ่งทั้งหลายที่ทำให้เราเป็นเพื่อน… กัน
.................................................................

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เพลง

10 วิธีทำให้คนชอบ

1. จำชื่อเขาให้ได้
ถ้ายังจำชื่อใครต่อใครไม่ได้ หรือจำผิดจำถูก แสดงว่าคุณไม่ใคร่สนใจไยดีหรือให้ความสำคัญในตัวเขานัก คุณรู้ไหมว่า ชื่อคนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความรู้สึกของคนอย่างมากมาย รีบจำชื่อเขาให้ได้ และเรียกให้ถูกนะคะ
2. รู้จักทักทาย
การทักทายใครต่อใครก่อน เป็นความน่ารักอย่างหนึ่ง สะท้อนให้เห็นความมีมิตรจิตมิตรใจ ทำให้ผู้ถูกทักทายรู้สึกดีว่าได้รับความใส่ใจ มีคนให้ความสำคัญ เราจะจำชื่อคนให้ได้ไปทำไมกันคะ ถ้าจำได้แล้วไม่รู้จักทักทายกัน?
3. วางตัวสบายๆ ได้หรือเปล่า
จงเป็นคนที่วางตัวสบายๆ เสมอ เพื่อผู้อื่นจะได้ไม่รู้สึกเครียดเมื่ออยู่ใกล้ๆ คุณโปรดเป็นกันเอง อย่าถือเนื้อถือตัว อย่าเจ้ายศเจ้าอย่าง เพราะมันจะน่ารำคาญ น่าเกลียดน่ากลัว มากกว่าน่าเข้าใกล้
4. มีนิสัยง่ายๆ
นิสัยง่ายๆ เป็นคนละเรื่องกับมักง่าย หากคุณเป็นคนง่ายๆ มีความยืดหยุ่นสูง และรู้จักผ่อนปรนอารมณ์ของคุณก็มักจะคงที่ ไว้ใจได้ ทำนายได้ ไม่แปรปรวนจนยากแก่การควบคุมหรือไว้ใจ คนง่ายๆ มักยอมรับและเข้าใจได้ แม้กับคนที่น่ารำคาญที่สุด ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้กับคนที่อารมณ์คงที่ ยืดหยุ่น และถือสาใครต่อใครน้อยมาก เพราะอะไรคะ เพราะว่าบางครั้ง เราก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเราเองมีอะไรที่น่ารำคาญบ้าง ง่ายๆ วางใจ ไม่ถือสากันนี่ละ ดีที่สุด
5. อย่าอวดตัวเอง
จงระวัง อย่าแสดงว่าคุณรู้อะไรๆ ไปหมดเสียทุกเรื่อง ไม่มีใครอยากจะชอบพอกับคนที่ฉลาดไปเสียทุกเรื่องหรอก บางเรื่องเขาก็อยากฉลาดบ้างเหมือนกัน ดังนั้นโปรดวางตัวตามธรรมชาติ (คือมีทั้งเรื่องที่รู้และไม่รู้) ถ่อมตน และสุภาพตามกาลเทศะจะดีกว่า
6. จงมีนิสัยร่าเริง
เพื่อคนทั้งหลายจะได้ชอบอยู่ใกล้ และ “ติด” ในความร่าเริงที่คุณมี แล้วคุณจะได้รับความรู้สึกดีๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งดีๆ จากคนเหล่านี้ เมื่อคบค้าสมาคมด้วย
7. จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิด
คุณอาจเคยมองใครในแง่ร้ายๆ ไปบ้าง คุณอาจเคยถือสาการกระทำครั้งโน้นครั้งนี้ของเขา หากคุณมีเวลา จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดหรือความถือสาที่เคยมี รวมทั้งที่กำลังมีอยู่ให้หมดไป มิตรภาพไม่อาจก่อเกิดหรืองอกงามได้ ท่ามกลางความระแวงแคลงใจ จงขจัดความขุ่นข้องหมองใจ ความไม่ชอบใจ และความเจ็บใจให้หมด แล้วคุณจะเป็นคนน่ารักที่ไม่มีใครผูกใจเจ็บ
8. ทิ้งมันไป…นิสัยเสียๆ
บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่า เรามีนิสัยอะไรที่เป็นข้อบกพร่องอยู่ในตัวบ้าง การเงี่ยหูฟังจากคนรอบข้าง จะช่วยให้เรารู้ เมื่อเรารู้แล้ว เรามีหน้าที่ต้องกำจัดนิสัยที่ทำให้คนอื่นตั้งเป็นข้อรังเกียจออกไป แม้ว่านิสัยบางอย่างนั้น อาจมีอยู่หรือทำไปโดยที่เราไม่ได้รู้ตัวมาตลอดก็ตาม
9. จงหัดชอบคนอื่นบ้าง
น่าประหลาด… คนบางคนเกลียดใครต่อใครได้ไวมาก ลองหัดชอบคนอื่นจนกลายเป็นนิสัยดีไหมคะ ชอบที่เขาเป็นอย่างนั้น ชอบที่เขาคิดอย่างนี้ ชอบในสิ่งที่เขาพูดจา ฯลฯ พึงท่องคาถาประจำใจเอาไว้ให้ตลอดเภิดว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยพบกับบุคคลที่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกชอบเลย”
10. ชมเชยให้เป็น
อย่าละทิ้งโอกาสที่จะกล่าวคำชมเชย เมื่อใครคนใดคนหนึ่งใกล้ๆ ตัวคุณ ได้กระทำในสิ่งที่ดี เป็นแบบอยางต่อผู้อื่น หรือทำอะไรได้สำเร็จสักอย่างหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องรู้จักแสดงความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ ในความทุกข์ร้อนและความผิดหวังของพวกเขาด้วย พูดง่ายๆ ได้ว่า หัดเป็นคนมีหัวใจซะบ้าง!

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นิยาม...แม่

แม่คือใคร....ในชีวิตเรา
...แม่คือ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ผู้ให้กำเนิดเราโดยร่วมมือกับพ่อผู้กำกับการแสดง
...แม่คือ นักรักบริสุทธิ์ ผู้เป็นต้นแบบแห่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
...แม่คือ ครูคนแรก ที่สอนเราถึงวิธีการดำเนินชีวิตในโลกนี้ ผู้สอนเราให้รู้จักแยกแยะระหว่าง "ความดี" กับ "ความเลว" "ความเหมาะสม" กับ "ความไม่เหมาะสม" "ประโยชน์" กับ "โทษ" ของสิ่งต่างๆ
...แม่คือ นายกรัฐมนตรี ผู้ตระเตรียมความจำเป็นขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน
...แม่ คือ เกษตรกร ที่ลงแรงหว่านเมล็ดพันธุ์ เฝ้าพรวนดินรดน้ำและอดทนรอคอยการเกิดผลที่งอกงาม
เป็นผู้ที่ดูแล เลี้ยงดู ฟูมฟัก นับตั้งแต่เราลืมตาดูโลกจนเติบโตขึ้นและพึ่งพาตนเองได้
...แม่คือ จิตรกร ผู้แต่งแต้มสีสันชีวิตอนาคตของเรา
...แม่คือ นักสร้างแรงบันดาลใจ ผู้ทำให้ความฝันใฝ่ของเราเป็นความจริง
...แม่คือ นักประชาสัมพันธ์ ที่ชอบเชิดชูความสามารถของเราทำให้เรากล้าแสดงออกและพัฒนาศักยภาพที่ซ่อนอยู่อย่างเต็มที่
...แม่คือทหาร ผู้ทำหน้าที่ปกป้องภยันตรายให้เราตั้งแต่เราอยู่ในครรภ์ช่วยตัวเองไม่ได้จนกระทั่งเติบใหญ่สมบูรณ์และแข็งแรง
...แม่คือ นางพยาบาล ที่คอยเฝ้าไข้ ดูแลรักษา ยามเราเจ็บไข้ได้ป่วย
...แม่คือ นักบุญ ที่พร้อมเสียสละความสุขส่วนตัว โดยไม่คำนึงว่าตนต้องเสียประโยชน์เพียงใด
...แม่คือ ผู้ใช้แรงงาน ที่ทำงานหนักที่สุด ตั้งแต่เช้าจรดค่ำตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ ไม่มีวันหยุด
...แม่คือ นักรบ ผู้ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค แต่ฝ่าฟันที่จะทำทุกสิ่งเพื่อชัยชนะในชีวิตของเรา
...แม่คือ ผู้จัดการ ผู้แบ่งงานให้เราทำ ทำให้เรารู้จักคำว่า หน้าที่ และความรับผิดชอบ
...แม่คือ ผู้พิพากษา ผู้ตัดสินคดีเวลาเราทะเลาะกับพี่น้อง
...แม่คือ ที่ปรึกษาส่วนตัว ผู้ให้คำปรึกษาในเรื่องที่สำคัญ ทั้งทางกายภาพและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่กิดขึ้นตามวัยของเรา การเลือกคบเพื่อน การเลือกคู่ครอง การประกอบอาชีพ
...แม่คือ เพื่อน ผู้ให้กำลังใจ ให้ความรัก ความอบอุ่น ให้คำปรึกษา ให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ
...แม่คือ มัคคุเทศน์ ผู้นำเราท่องเที่ยวเรียนรู้ในโลกกว้าง
...แม่คือ นักปรัชญา ผู้สอนให้เรารู้จัก "คุณค่าของชีวิต"
...แม่คือ กระจกเงา ผู้ที่ทำให้คำกล่าวที่ว่า "ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น" เป็นจริงแม่มีอิทธิพลในการกำหนดท่าที ความคิด บุคลิก ลักษณะของเรา ทำให้เรามีเอกลักษณ์ต่างจากคนอื่น
....แม่คือ ....

ในโอกาสวันแม่ อยากให้คุณผู้อ่านลองคิดถึงแม่ และให้ "นิยาม" คำว่า "แม่" ว่าเป็นเช่นไรในชีวิตเรา

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

รถแทรกเตอร์

 
รถแทรกเตอร์ หมายถึง ยานที่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัว โดยจะถูกใช้เป็นตัวต้นกำลังในการทำการเกษตร โดยเริ่มจากการเตรียมพื้นดิน การปลูก การบำรุงรักษา ฉีดยา ฉีดปุ๋ย ตลอดจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นต้น
แทรคเตอร์สำหรับการเกษตรและรถไถเดินตาม
รถแทรกเตอร์
        รถแทรกเตอร์ คือ ยานพาหนะชนิดพิเศษที่สามารถส่งกำลังออกไปยังเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการเกษตร เช่น ไถหัวหมู ไถกระทะ ไถดินดาน เครื่องพ่นสารเคมีเพื่อทำให้การปฏิบัติงานในการเกษตรบรรลุผลสำเร็จ
         การส่งผ่านกำลังของรถแทรกเตอร์ออกไปใช้ประโยชน์ ส่วนใหญ่มี 2 ทาง ดังต่อไปนี้
        1. ทางล้อ ทำให้ล้อยึดแน่นอยู่กับดิน ขณะที่รถแทรกเตอร์กำลังปฏิบัติงาน ทำให้รถแทรกเตอร์ดัน หรือฉุดเครื่องมือได้
        2. ทางเพลาอำนวยกำลัง ทำให้รถแทรกเตอร์ส่งกำลังออกไปขับเครื่องมือทุ่นแรงในการเกษตรชนิดอื่นได้ เช่น เครื่องสูบน้ำ เป็นต้น
         กำลังของรถแทรกเตอร์ได้มาจากเครื่องยนต์ ซึ่งมักจะเรียกเป็นแรงม้าหรือกิโลวัตต์ (1 แรงม้า = 746 วัตต์ และ 1 กิโลวัตต์ = 1000 วัตต์) รถแทรกเตอร์มีกำลังให้เลือกใช้ได้ตั้งแต่ขนาด 3 แรงม้า (2.238 กิโลวัตต์) จนถึงขนาดใหญ่ 300 แรงม้า (223.8 กิโลวัตต์)
ลักษณะทั่วไป
        รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตรมีรูปร่างหลายแบบ แต่ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยเครื่องยนต์ต้นกำลัง อุปกรณ์พ่วงลากและขับหมุนเครื่องมือทุ่นแรง
         โดยทั่วไป รถแทรกเตอร์มีลักษณะดังต่อไปนี้
        1. เครื่องยนต์มีรอบต่ำแต่มีแรงบิดสูง ทั้งนี้เพราะต้องการให้เกิดแรงฉุดลากที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน
        2. ล้อหลังใหญ่และหน้ากว้าง เพื่อรับน้ำหนักที่เกิดขึ้นในขณะทำงาน นอกจากนั้นยังทำให้ แรงเสียดทานเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลให้แรงฉุดลากเพิ่มขึ้นด้วย
        3. ตัวถังรถสูง เพื่อให้วิ่งเข้าไปทำงานระหว่างแถวพืชและคันดิน หรือร่องคูได้สะดวก
        4. มีอุปกรณ์ที่ให้ความปลอดภัย เช่น กระจกกว้างมองเห็นได้รอบด้าน เบาะนั่งสบาย ลุกออกสะดวกและรวดเร็วในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โครงหลังคาแข็งแรง
ประเภทของรถแทรกเตอร์
         การแบ่งประเภทของรถแทรกเตอร์ขึ้นอยู่กับกำลังของเครื่องยนต์ ถ้ากำลังของเครื่องยนต์ต่ำกว่า 25 แรงม้า (18.65 กิโลวัตต์) เรียกว่ารถแทรกเตอร์ขนาดเล็ก ถ้ากำลังของเครื่องอยู่ระหว่าง 25 แรงม้าถึง 50 แรงม้า (18.65 กิโลวัตต์ ถึง 37.3 กิโลวัตต์) เรียกว่ารถแทรกเตอร์ขนาดกลาง ส่วนรถแทรกเตอร์ขนาดใหญ่ คือรถที่มีกำลังเครื่องยนต์มากกว่า 50 แรงม้า (37.3 กิโลวัตต์) ขึ้นไป
        รถแทรกเตอร์ตีนตะขาบเป็นรถขนาดใหญ่มาก ใช้สำหรับทำงานหนัก เช่น ทำถนน สร้างเขื่อน และเปิดป่า กำลังที่ใช้ฉุดและดันเครื่องมือทุ่นแรงได้มาจากเครื่องยนต์ และการตะกุยดินของล้อตีนตะขาบ ซึ่งมีหน้าสัมผัสที่ยึดพื้นที่ไว้ได้มากกว่าล้อยาง แต่โดยปกติเกษตรกรจะไม่ซื้อรถประเภทนี้ เพราะมีราคาแพงถ้าจำเป็นที่จะใช้งานก็อาจจะเช่า หรือว่าจ้างจากบริษัทผู้รับเหมาได้ อีกทั้งยังเสียค่าใช้จ่ายต่ำอีกด้วย อย่างไรก็ตามรถแทรกเตอร์ประเภทนี้เหมาะสำหรับงานปรับพื้นที่ การจัดรูปที่ดิน และงานป่าไม้
        รถแทรกเตอร์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ เป็นที่นิยมใช้กันมากในงานเกษตร โดยได้มีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับการทำงานประเภทต่างๆ
        รถแทรกเตอร์เหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้ล้อยางซึ่งปรับระยะห่างได้ โดยอาจจะปรับให้กว้างหรือแคบได้ตามระยะห่างของแถวพืชที่ปลูก
        รถแทรกเตอร์แบบล้อยางแบ่งออกเป็นแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยที่แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ จะมีขนาดล้อหน้าเล็กกว่าแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และเป็นแบบที่นิยมใช้กันมาก อย่างไรก็ตามรถแทรกเตอร์ขับเคลื่อน 4 ล้อจะมีแรงฉุดลาก ประสิทธิภาพของการขับเคลื่อน และการเลี้ยวดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบรถแทรกเตอร์ 2 คันที่มีน้ำหนักเท่ากัน
        นอกจากนั้นยังสามารถติดตั้งเครื่องมือทุ่นแรงในการเกษตรเข้ากับรถแทรกเตอร์ประเภทนี้ได้ โดยติดกับระบบแขนยกอุปกรณ์แบบ 3 จุด (Three point linkage) ส่วนการบังคับให้อุปกรณ์สูงขึ้นจากพื้นดิน หรือลดลงนั้น อาศัยคันบังคับของระบบไฮดรอลิก
         การใช้ระบบไฮดรอลิกกับอุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ได้ประโยชน์หลายประการ แต่ประการที่สำคัญคือ ให้ความสะดวกในการนำอุปกรณ์จากไร่หนึ่งไปยังอีกไร่หนึ่ง อีกทั้งยังทำให้การกลับรถบริเวณท้ายไร่รวดเร็วขึ้น และประหยัดเนื้อที่อีกด้วย
         รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเป็นรถแทรกเตอร์ที่มีราคาถูกและนิยมใช้กันมากในฟาร์มขนาดเล็ก
        รถไถเดินตาม เป็นรถแทรกเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดและถูกที่สุด แต่เนื่องจากว่าผู้ปฏิบัติงานต้องเดินตามหลังเพื่อบังคับรถชนิดนี้ จึงทำให้การปฏิบัติงานในไร่นาน่าเบื่อ
ส่วนประกอบและการทำงาน
         (1) เครื่องยนต์ต้นกำลัง
        เครื่องยนต์ต้นกำลังของเครื่องมือทุ่นแรงในการเกษตร ตลอดจนรถแทรกเตอร์ โดยทั่วไปคือเครื่องยนต์จุดระเบิดภายใน หรือเครื่องยนต์ดีเซล กำลังที่ได้จากเครื่องยนต์ชนิดนี้จะถูกถ่ายทอดไปยังชิ้นส่วนและระบบต่างๆ เช่น ล้อขับเคลื่อนหลัง เพลาอำนวยกำลัง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
        เครื่องยนต์ดีเซล เป็นเครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้ภายในอีกประเภทหนึ่งที่น้ำมันดีเซล หรือน้ำมันโซล่า จะถูกผสมกับอากาศที่กำลังถูกอัดตัวอย่างรุนแรง และมีความร้อนสูงภายในห้องเผาไหม้ กลายเป็นเชื้อระเบิดที่มีความร้อนสูง โดยการฉีดน้ำมันที่มีความดันสูงให้เป็นฝอยอย่างละเอียดและรุนแรงภายในกระบอกสูบ เพื่อทำให้น้ำมันกับอากาศที่มีความร้อนสูงนั้นได้ผสมกันอย่างหมดจด จนกลายเป็นเชื้อระเบิดเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงและให้กำลังงานสูงในที่สุด ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์เกิดการทำงานขึ้นตามจังหวะของการทำงานนั้นๆ ของเครื่องยนต์ เช่น จังหวะดูด จังหวะอัด

        โดยปกติน้ำมันดีเซลความดันต่ำจากถัง จะถูกบังคับให้เคลื่อนที่ไปโดยผ่านกรรมวิธีต่างๆของระบบส่งน้ำมันเชื้อเพลิง จนกลายเป็นน้ำมันที่สะอาดและมีความดันสูง เพื่อที่จะส่งไปยังหัวฉีด ให้ฉีดออกผสมกับอากาศที่มีความร้อนสูง กลายเป็นเชื้อระเบิดที่ร้อนจนเกิดการระเบิดขึ้นตรงตามกำหนดเวลาอย่างถูกต้อง สำหรับอากาศที่ถูกอัดจนมีความร้อนสูงภายในกระบอกสูบนั้น มาจากอากาศในบรรยากาศซึ่งถูกดูดให้เคลื่อนที่ผ่านเข้ามาสู่กระบอกสูบ และผสมกับน้ำมันดีเซลภายในห้องเผาไหม้ในที่สุด ของเสียที่เกิดขึ้นจากการระเบิดภายในกระบอกสูบ จะถูกผลักดันให้ออกจากกระบอกสูบอย่างรวดเร็วตามจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ ผ่านท่อไอเสีย และออกสู่บรรยากาศภายนอก เครื่องยนต์ดีเซลจำแนกออกเป็นเครื่องยนต์หมุนเร็ว เครื่องยนต์หมุนปานกลาง และเครื่องยนต์หมุนช้า
         เครื่องยนต์ดีเซลหมุนช้าคือ เครื่องยนต์ที่เพลาข้อเหวี่ยงหมุนไม่เกินนาทีละ 500 รอบต่อนาที
         เครื่องยนต์ดีเซลหมุนปานกลาง เป็นเครื่องยนต์ที่เพลาข้อเหวี่ยงหมุนอยู่ระหว่าง 500-1000 รอบต่อนาที
        เครื่องยนต์ดีเซลหมุนเร็ว หมายถึงเครื่องยนต์ที่เพลาข้อเหวี่ยงหมุนเร็วกว่า 1000 รอบต่อนาที
คุณสมบัติของเครื่องยนต์ดีเซล
        1. เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลหรือน้ำมันโซล่าเป็นเชื้อเพลิง
        2. อากาศบริสุทธิ์เท่านั้นที่เข้าไปภายในกระบอกสูบในจังหวะดูดของการทำงานของเครื่องยนต์
        3. ปั้มน้ำมันความดันสูง เป็นตัวทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงความดันต่ำเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงความดันสูง
        4. หัวฉีดเป็นตัวฉีดให้น้ำมันพุ่งเข้าไปภายในห้องเผาไหม้ของกระบอกสูบเป็นฝอยที่ละเอียดและรุนแรง
        5. เป็นเครื่องยนต์ที่ทำให้เกิดอัตราการอัดตัวของอากาศในกระบอกสูบสูง
ข้อดีของเครื่องยนต์ดีเซล
        1. เป็นเครื่องยนต์ที่สามารถใช้ได้กับน้ำมันข้นที่มีราคาถูกได้
        2. เครื่องยนต์ขนาดเท่ากัน เครื่องยนต์ดีเซลจะเป็นเครื่องยนต์ที่ให้กำลังม้าสูงกว่าเนื่องจากเป็นเครื่องที่ให้อัตราการอัดตัวของอากาศสูงกว่า
        3. ไม่มีระบบจุดระเบิดของเครื่องยนต์ที่ประกอบด้วยกระแสไฟฟ้า และมีอุปกรณ์น้อยชิ้น
        4. การจุดระเบิดก่อนเวลาหรือการชิงจุดของเชื้อระเบิดมีน้อย และหลีกเลี่ยงได้
        5. เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างประหยัด และสามารถควบคุมการใช้น้ำมันได้อย่างแน่นอน
        ข้อเสียของเครื่องยนต์ดีเซล
        1. เป็นเครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักต่อกำลังม้าสูง
        2. เครื่องยนต์มีราคาแพง เพราะต้องออกแบบและสร้างให้มีความแข็งแรงสูงเนื่องจาก เครื่องยนต์ให้กำลังม้าสูง
        3. การสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์สูง และมีเสียงดังมาก
        4. อุปกรณ์ในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์มีราคาสูง
        5. เครื่องยนต์ติดยากเมื่อเครื่องยนต์สึกหรอ หรือเครื่องยนต์เสียกำลังอัดลงบ้าง ในฤดูหนาวที่อากาศเย็น
         (2) ระบบถ่ายทอดกำลัง
        เครื่องยนต์จะถ่ายทอดกำลังไปยังล้อ เพลาอำนวยกำลัง ปั้มไฮดรอลิค และอื่นๆ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ สำหรับส่วนประกอบที่สำคัญของระบบนี้มีดังนี้
คลัช
        คลัชในรถแทรกเตอร์ประกอบด้วยคลัชขับเคลื่อนและคลัชเพลาอำนวยกำลัง คลัชขับเคลื่อนซึ่งทำหน้าที่ตัดและต่อการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปขับล้อให้รถแทรกเตอร์เคลื่อนที่ คลัชเพลาอำนวยกำลังทำหน้าที่ตัดและต่อการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปหมุนเพลาอำนวยกำลัง เพื่อส่งกำลังออกไปใช้ภายนอกรถแทรกเตอร์
เกียร์
         เกียร์คือส่วนที่ทำหน้าที่แบ่งขั้นความเร็ว และเพิ่มกำลังฉุดลากของล้อรถแทรกเตอร์ โดยปกติถ้าใช้เฟืองเกียร์ที่มีอัตราการทดรอบสูง ความเร็วรอบของล้อจะต่ำแต่มีกำลังฉุดลากสูง ในทางตรงกันข้าม ถ้าต้องการให้รถแทรกเตอร์วิ่งเร็วที่สุด ก็ต้องใช้เฟืองเกียร์ที่ให้อัตราการทดรอบต่ำหรือไม่ต้องมีการทดรอบเลย เครื่องยนต์หมุนด้วยความเร็วเท่าไร ล้อก็หมุนด้วยความเร็วเท่านั้น ซึ่งในกรณีเช่นนี้ในรถแทรกเตอร์ไม่มีความเร็วสูงถึงขั้นนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อล้อหมุนด้วยความเร็วสูงกำลังฉุดลากก็จะต่ำ
เฟืองท้าย
        เฟืองท้าย เป็นตัวทำให้การหมุนของล้อหลังทั้งสองข้างมีความเร็วรอบต่างกันเมื่อเลี้ยวรถ โดยที่ล้อด้านนอกจะหมุนมากกว่าหรือเร็วกว่าล้อด้านใน
         เมื่อรถแทรกเตอร์วิ่งตรง แรงต้านทานของดินที่กระทำต่อล้อทั้งสองข้างเกือบเท่ากัน ในขณะเลี้ยว แรงต้านทานของดินที่ล้อด้านในจะมากกว่าด้านนอก บางครั้งแม้รถแทรกเตอร์จะวิ่งในทางตรง เฟืองท้ายอาจจะถ่ายทอดกำลังให้กับล้อข้างใดข้างหนึ่งมากกว่า เช่น ในกรณีที่ล้อข้างหนึ่งลื่นหรือหมุนฟรี หรือติดหล่ม ดังนั้นจึงต้องอาศัยการล็อคเฟืองท้าย
        ระบบล็อคเฟืองท้าย จะทำให้ล้อทั้งสองข้างหมุนไปพร้อมๆกัน ไม่ให้ล้อข้างใดข้างหนึ่งหมุนฟรี
        ข้อดีของการล็อคเฟืองท้ายคือ ทำให้รถแทรกเตอร์สามารถวิ่งได้ดีขึ้น ทั้งบนพื้นดินทราย ดินอ่อน และดินโคลน นอกจากนั้นยังทำให้วิ่งตรงและมีสมรรถนะในการขับเคลื่อนดีขึ้น เช่น ในการไถซึ่งจำเป็นต้องให้ล้อทั้งสองข้างหมุนด้วยความเร็วเท่ากัน ในขณะที่ล้อข้างหนึ่งอยู่ในร่องไถเพื่อให้งานไถสม่ำเสมอ
เพลาอำนวยกำลัง
        รถแทรกเตอร์ส่วนใหญ่จะมีเพลาอำนวยกำลัง สำหรับขับอุปกรณ์ซึ่งจะอยู่ด้านท้ายของรถแทรกเตอร์ แต่รถแทรกเตอร์บางแบบอาจจะมีเพลาอำนวยกำลังเสริมที่ตรงกลาง หรือทางด้านหน้าตัวรถ
        เพลาอำนวยกำลังมี 2 ระบบ ระบบแรกนั้นการหมุนของเพลาอำนวยกำลังจะแยกอิสระจากชุดเกียร์หลัก เรียกว่าเพลาอำนวยกำลังอิสระ เพลาอำนวยกำลังแบบนี้ใช้ขับเครื่องตัดหญ้าเป็นส่วนใหญ่ และอีกระบบนั้นการหมุนของเพลาอำนวยกำลังจะเป็นสัดส่วนกับการหมุนของล้อขับเคลื่อน ซึ่งขึ้นอยู่กับชุดเกียร์หลักเรียกว่า เพลาอำนวยกำลังสัมพันธ์กับความเร็วรถ ซึ่งนิยมใช้กับเครื่องหยอดเมล็ด
ล้อ
        ล้อของรถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตรเป็นล้อยาง ล้อหน้า มี ดอกยางเป็นวงกลมเพื่อทำให้การเลี้ยวรถสะดวก ไม่ลื่นไถลออกด้านข้าง ล้อหลัง เป็นล้อขับเคลื่อนที่มีดอกยางใหญ่ซึ่งเอียงทำมุมกับแนวการเคลื่อนที่ของรถ เพื่อทำให้ยึดเกาะดินได้มั่นคง เกิดแรงฉุดลากสูง
        ดอกยางทำด้วยยาง ส่วนในทำด้วยผ้าวางเป็นชั้นๆ เรียงซ้อนกันเพื่อทำให้ยางมีความแข็งแรง ทนทานต่อการกระแทก สำหรับขอบยางด้านติดกับกระทะล้อมีเส้นลวดสปริงฝังอยู่เป็นวงกลมตลอดวงล้อ เพื่อเสริมความแข็งแรง
        ขนาดของยางจะระบุเป็นตัวเลข เช่น 7.50 - 16 เป็นขนาดยางที่ใช้กับล้อหน้าของรถแทรกเตอร์ รถพ่วง โดยที่ตัวเลขตัวแรกหมายถึงความกว้างของหน้ายาง ตัวเลขตัวที่สองคือเส้นผ่าศูนย์กลางของล้อหรือกระทะล้อ ตัวเลขเหล่านี้มีหน่วยเป็นนิ้ว สำหรับล้อหลังนั้นส่วนใหญ่มักจะเขียนเป็นตัวเลขและตัวอักษร เช่น 18.4/15-30 4 PR ซึ่งหมายความว่าความกว้างของหน้ายางเท่ากับ 18.4 นิ้ว สามารถใช้แทนยางขนาดความกว้าง 15 นิ้วได้ โดยที่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของล้อก็คือ 30 นิ้ว และมีชั้นผ้าใบ 4 ชั้น สำหรับชั้นผ้าใบนี้ถ้ายิ่งมีมากยางยิ่งมีความแข็งแรงและรับน้ำหนักได้มากขึ้น ส่วนแรงดันมาตรฐานนั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนผ้าใบ ดังที่ปรากฏในตารางที่ 1

ตารางที่ 1 น้ำหนักที่ยางสามารถรับได้

ภาพ:ดดดด.GIF
        รถแทรกเตอร์ส่วนมากสามารถปรับช่วงล้อหรือระยะห่างระหว่างล้อ 2 ข้าง ได้หลายระยะ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน เช่น ไถ พรวน เป็นต้น การปรับช่วงล้อทำได้โดยการคลายนอตล็อค และเลื่อนคานหน้าออกตามความต้องการ ทั้งนี้จะต้องปรับระยะคันส่งด้วย ส่วนช่วงล้อหลังนั้นปรับได้โดยการกลับด้านกระทะล้อ และเลื่อนตำแหน่งของดุมล้อตามแนวเพลา
ระบบเบรค
        รถแทรกเตอร์มีเบรคเฉพาะ 2 ล้อหลัง โดยที่กลไกเบรคทั้งสองแยกกันอย่างอิสระ ถ้าเบรคข้างซ้ายล้อหลังซ้ายจะหยุด ถ้าเบรคข้างขวาล้อหลังขวาจะหยุด ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกในการเลี้ยววงแคบในขณะทำงานได้ อย่างไรก็ตามเมื่อขับรถแทรกเตอร์บนถนนก็สามารถล็อคให้เบรคทั้งสองข้างทำงานพร้อมกันได้ เพื่อป้องกันรถหมุนกลับพลิกคว่ำขณะที่ใช้ความเร็วสูง
        นอกจากนั้น รถแทรกเตอร์ยังมีเบรคมือ หรือเบรคขณะจอดโดยอาจจะเป็นแบบล็อคคันเหยียบเบรคขณะจอด
         (3) ระบบพ่วงอุปกรณ์
        ระบบพ่วงอุปกรณ์ หรือเครื่องมือทุ่นแรงของรถแทรกเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบลาก และแบบติดกับรถ สาเหตุที่มีหลายแบบก็เพราะขนาดของอุปกรณ์ตลอดจนการใช้งานต่างกัน จึงไม่สามารถทำให้ใช้ระบบพ่วงอุปกรณ์แบบเดียวกันได้
        ระบบพ่วงอุปกรณ์แบบลากมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ คานลาก ซึ่งติดอยู่ทางด้านหลังของรถแทรกเตอร์ โดยแบ่งออกเป็นสองแบบคือ แบบติดแน่น และแบบแกว่งได้
        สำหรับระบบพ่วงอุปกรณ์แบบติดกับรถนั้นแบ่งออกเป็น 3 แบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะของการติดอุปกรณ์คือ แบบติดด้านหน้า เช่น ใบมีดดันดินหน้า บุ้งกี๋ตักดิน แบบติดกลาง เช่น เครื่องพรวน เครื่องตัดหญ้า และแบบติดด้านหลัง เช่น จอบหมุน ไถหัวหมู
        การพ่วงอุปกรณ์แบบติดด้านหลัง เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด คือระบบพ่วง 3 จุด ซึ่งประกอบด้วยแขนลาก 3 ตัว แขนลากตัวบนหรือแขนกลาง และแขนลากตัวล่างสองตัว แขนลากทั้งสามนี้ยึดติดกับตัวรถโดยใช้บู๊ชตาไก่ จึงทำให้เคลื่อนไหวได้อิสระรอบตัว
        อุปกรณ์ที่พ่วงติดกับปลายแขนลากทั้งสามสามารถเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงได้ โดยอาศัยก้านยกที่หิ้วแขนลากสองตัวล่าง ก้านยกจะยก หรือวางแขนลากสองตัวล่างเป็นเหตุให้อุปกรณ์เคลื่อนที่ขึ้นหรือลงด้วย
        ความยาวของแขนกลางสามารถปรับได้ ทำให้สามารถปรับมุมก้ม และเงยของอุปกรณ์ได้ตามความต้องการ ส่วนการปรับมุมเอียงของอุปกรณ์นั้นสามารถทำได้โดยการปรับความยาวของก้านยกด้านขวาที่คันปรับ
        แขนลากสองตัวล่าง จะมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ และมีโซ่กันแกว่งติดอยู่แต่ละข้าง ถ้าไม่ต้องการให้อุปกรณ์แกว่งไปมาในขณะใช้งานก็ปรับโซ่ทั้งสองเส้นให้ตึง
         (4) ระบบไฮดรอลิค
        ระบบไฮดรอลิคของรถแทรกเตอร์สามารถใช้ขับเคลื่อนอุปกรณ์ หรือเครื่องมือทุ่นแรง โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือปั้มไฮดรอลิค หรือกระบอกไฮดรอลิคเพื่อใช้ในการยกและวางอุปกรณ์ ระบบไฮดรอลิคที่สามารถควบคุมตำแหน่งของอุปกรณ์โดยอัตโนมัติเรียกว่าระบบควบคุมตำแหน่ง เพื่อให้ความลึกในการไถสม่ำเสมอ นอกจากนั้นยังมีระบบควบคุมควบคุมแรงลาก เพื่อให้รถแทรกเตอร์มีแรงขับเคลื่อนคงที่ในขณะติดอุปกรณ์แบบพ่วง 3 จุด

ระบบควบคุมตำแหน่ง

        ระบบควบคุมตำแหน่ง ใช้กับอุปกรณ์ที่มีความต้านทานการฉุดลากน้อย เช่น เครื่องพรวนและกำจัดวัชพืช เครื่องหยอดเมล็ดพืชและใส่ปุ๋ย เครื่องปลูกพืช ฯลฯ นอกจากนั้นยังสามารถใช้กับไถหัวหมูขณะทำงานในดินอ่อนและพื้นที่ราบเรียบ
         คันควบคุมตำแหน่งจะควบคุมระบบโดยการยกหรือวางแขนยก ซึ่งทำให้แขนไฮดรอลิคและอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นสัดส่วนกันไปด้วย
ระบบควบคุมแรงลาก
        ระบบควบคุมแรงลาก เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการให้ความต้านทานในการทำงานของอุปกรณ์คงที่ หรืออุปกรณ์ที่ใช้แรงลากสูง เช่น รถพ่วง
         การควบคุมแรงลากจะมีสปริงเป็นตัวรับสัญญาณ ที่จุดพ่วงของแขนกลาง ซึ่งจะทำหน้าที่ควบคุมก้านต่อและวาล์วควบคุม
         แรงที่ถ่ายทอดให้กับตัวรับสัญญาณซึ่งเป็นสัดส่วนกับแรงต้นทานการขับเคลื่อน จะทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองในกลไกวาล์วควบคุมผ่านทางก้านต่อ
        อุปกรณ์จะถูกควบคุมให้อยู่ในตำแหน่งคงที่เมื่อแรงต้านทานการขับเคลื่อนคงที่ แต่เมื่อแรงต้านทานการขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลง หรือแรงต้านทานดินเปลี่ยนแปลง ตัวรับสัญญาณก็จะส่งสัญญาณใหม่ไปยังกลไกวาล์วควบคุม ซึ่งจะทำให้ลูกสูบในกระบอกไฮดรอลิคเคลื่อนที่ในตำแหน่งที่สัมพันธ์กับขนาดของแรงขับเคลื่อนที่กำหนดไว้
         ในขณะที่มีการเพิ่ม (หรือลด) แรงต้านทานการขับเคลื่อน จะทำให้ลูกสูบกระบอกไฮดรอลิคเคลื่อนที่เพื่อยก (หรือวาง) อุปกรณ์ การยกหรือวางอุปกรณ์จะเกิดขึ้นต่อเนื่องจนกระทั่งแรงต้านทานการขับเคลื่อนพอดีกับตำแหน่งคันควบคุม
         การใช้ระบบไฮดรอลิคกับอุปกรณ์ที่ติดตั้งได้ประโยชน์หลายประการ แต่ประการที่สำคัญที่สุดคือ ให้ความสะดวกในการนำอุปกรณ์จากไร่หนึ่งไปยังอีกไร่หนึ่ง อีกทั้งยังทำให้การกลับรถบริเวณท้ายไร่รวดเร็วขึ้น และประหยัดเนื้อที่อีกด้วย
การบำรุงรักษา
        การบำรุงรักษา สามารถทำให้รถแทรกเตอร์มีอายุการใช้งานยืนยาวโดยไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมบ่อยๆ การบำรุงรักษามีทั้งที่ทำประจำวันและทำเป็นระยะๆ
        การบำรุงรักษารถแทรกเตอร์ประจำวันเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าหากละเว้นอาจจะทำให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ คือแทนที่จะนำรถไปปฏิบัติงานได้ กลับต้องนำไปซ่อมแซม
        นอกจากนั้นระยะเวลาที่รถแทรกเตอร์ หรือเครื่องมือปฏิบัติงานได้เร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาที่ดีและสม่ำเสมอ
การบำรุงรักษาประจำวัน
        การบำรุงรักษาประจำวันทั้ง 9 ประการ ที่จะกล่าวต่อจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
        1. แบตเตอรี่
        2. ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง
        3. ระบบระบายความร้อน
        4. น้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้าย
        5. หม้อกรองอากาศ
        6. น้ำมันเครื่อง
        7. ยาง
        8. นอตและสลัก
        9. จุดอัดจารบี
        แบตเตอรี่ ตรวจระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ทุกวัน โดยต้องจอดรถแทรกเตอร์บนพื้นราบขณะตรวจ ถ้าระดับน้ำกลั่นต่ำ ก็ถอดฝาปิดออกแล้วเติมน้ำกลั่นลงไปจนได้ระดับ ห้ามเติมน้ำกรด
        ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ควรเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้เต็มถังตอนเย็นหลังจากเสร็จงานประจำวัน เพื่อพร้อมที่จะทำงานได้ทันทีในเข้าวันรุ่งขึ้น อย่าลืมระวังรักษาให้น้ำมันเชื้อเพลิงสะอาดปราศจากสิ่งสกปรกและน้ำ
        ระบบระบายความร้อน ถ้าเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ น้ำในหม้อน้ำควรจะเต็มตลอดเวลา อย่าให้มีเศษหญ้า ใบไม้ติดอยู่หน้าช่องรังผึ้งหม้อน้ำ และควรจะตรวจความตึงของสายพานให้ถูกต้อง เพราะถ้าสายพานตึงเกินไป จะทำให้ลูกปืนที่ปั้มน้ำและไดนาโมหลวม และเป็นเหตุให้สายพานเสียเร็วอีกด้วย ถ้าสายพานหย่อนเกินไปจะทำให้เครื่องร้อนมาก
        น้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้าย ตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้ายในห้องเกียร์ และห้องเฟืองท้ายให้อยู่ถึงขีดสูงของไม้วัดระดับอยู่เสมอ
        หม้อกรองอากาศ ถ้าหม้อกรองอากาศเป็นชนิดแช่น้ำมัน น้ำมันควรจะอยู่ในระดับที่ถูกต้องเสมอ หม้อกรองชนิดนี้จะกรองฝุ่นละอองออกจากอากาศ โดยให้อากาศถูกดูดผ่านน้ำมัน น้ำมันจะจับฝุ่นละอองออกจากอากาศ ฉะนั้นควรจะเปลี่ยนน้ำมันใหม่ทันที (ใช้น้ำมันเครื่อง) ถ้าน้ำมันเปลี่ยนสีเมื่อมีฝุ่นละอองมาก การเปลี่ยนน้ำมันกระทำได้มากกว่า 1 ครั้งต่อวัน ถ้าปฏิบัติงานในสถานที่มีฝุ่นละอองมาก
         น้ำมันเครื่อง การตรวจสอบน้ำมันเครื่องทุกวันมี 2 ประการคือ ตรวจสอบดูว่าระดับน้ำมันเครื่องถูกต้องหรือไม่จากไม้วัดระดับน้ำมัน และตรวจดูสภาพของน้ำมันเครื่อง ถ้าน้ำมันเครื่องดำมากควรจะเปลี่ยนเสียใหม่ ถ่ายน้ำมันเครื่องออกขณะที่เครื่องยังร้อนและรถแทรกเตอร์จอดอยู่บนพื้นที่ราบ
        ยาง ลมในยางล้อหลังควรจะมีความดัน 12 ปอนด์/ตารางนิ้ว ถึง 15 ปอนด์/ตารางนิ้ว (0.85 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ถึง 1.05 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร) คือขณะทำงานใช้ความดัน 12 ปอนด์/ตารางนิ้ว และขณะขนส่งใช้ 15 ปอนด์/ตารางนิ้ว ส่วนล้อหน้าปกติจะใช้ความดัน 25 ปอนด์/ตารางนิ้ว (1.75 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร)
        น๊อตและสลัก เนื่องจากรถแทรกเตอร์มีการสั่นสะเทือนมากขณะปฏิบัติงาน ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้นอตและสลักหลวม ควรจะตรวจสอบทุกวันและขันให้แน่นเสมอ
        จุดอัดจารบี อัดจารบีทุกจุดที่สำคัญทุกวัน ถ้าหัวอัดจารบีอุดตัน ถอดออกมาล้างด้วยน้ำมันเบนซิน ใช้ลมเป่าสิ่งอุดตันออกก่อนที่จะใส่เข้าไปใหม่
         ถ้าการดูแลเอาใจใส่ต่อการบำรุงรักษาประจำวันทั้ง 9 ประการที่กล่าวมาแล้วก็จะทำให้รถแทรกเตอร์มีอายุใช้งานได้นาน
การบำรุงรักษาเป็นระยะๆ
        นอกจากการบำรุงรักษาประจำวันแล้ว ก็มีสิ่งที่ต้องการการบำรุงรักษาเป็นระยะๆ ซึ่งระบุไว้ในหนังสือคู่มือประจำรถ ที่บริษัทผู้ผลิตแจกเมื่อซื้อรถแทรกเตอร์
        การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง โดยทั่วๆ ไป บริษัทผู้ผลิตรถแทรกเตอร์ จะแนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องหลังจากปฏิบัติงานประมาณ 120 ชั่วโมง น้ำมันเครื่องที่ใช้ต้องเป็นชนิดเดียวกัน หนังสือคู่มือจะระบุวิธีการล้างไส้กรอง หรือระยะเวลาที่จะต้องเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง
        การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้าย ควรจะเปลี่ยนน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้ายหลังจากปฏิบัติงานประมาณ 700 ชั่วโมง น้ำมันที่ใช้เติมจะต้องสะอาด มีความข้นและคุณภาพตามที่กำหนดไว้ในหนังสือคู่มือ
         การอัดจารบีปั้มน้ำและการหยอดน้ำมันไดนาโม ปกติบริษัทผู้ผลิตจะแนะนำให้ทำในเวลาเดียวกับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง แต่ถ้าหยอดน้ำมันไดนาโมมากเกินไปจะเป็นสาเหตุให้ทุ่นของไดนาโมเสียหายได้ แต่ไดนาโมบางชนิดอาจจะไม่ต้องหยอดน้ำมันตลอดอายุการใช้งาน
        การอัดจารบีและขันล้อหน้าให้แน่น การอัดจารบีอัดที่ดุมล้อจนกระทั่งจารบีเก่าไหลออกมาหมด และตรวจสอบล้อให้แน่น ซึ่งปกติแล้วจะแนะนำให้กระทำปีละหนึ่งครั้ง
        การตั้งเบรคและคลัช ควรจะตรวจสอบทุกๆ 2 เดือน หรือตั้งพร้อมกับการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ และน้ำมันเฟืองท้าย ส่วนวิธีการตั้งให้ทำตามหนังสือคู่มือของรถแทรกเตอร์ การตั้งเบรคคือการตั้งระยะฟรีของขาเหยียบเบรคมิใช่ตั้งที่ตัวเบรค ระยะฟรีนี้จะลดลงขณะที่เบรคทำงานจนร้อน ถ้าระยะฟรีมากเกินไปจะทำให้ขาเหยียบถึงที่วางเท้าก่อนที่เบรคจะทำงานเต็มที่ ส่วนการตั้งคลัชก็เช่นเดียวกัน ถ้าคันเหยียบคลัชไม่มีระยฟรีจะทำให้ผ้าคลัชเสียหาย
        การทำความสะอาดหรือเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ควรจะทำตามคำแนะนำของหนังสือคู่มือประจำรถแทรกเตอร์ ซึ่งจะระบุวิธีทำความสะอาดและชนิดของไส้กรองที่ใช้การซ่อมแซมเป็นระยะการซ่อมแซมรถแทรกเตอร์เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องกระทำเพราะ
        1. รถแทรกเตอร์มีการสึกหรอตามปกติ แต่จะลดลงได้มากถ้ามีการบำรุงรักษาตามที่กล่าวมาแล้ว
        2. รถแทรกเตอร์อาจจะประสบอุบัติเหตุ แต่ถ้าผู้ปฏิบัติงานมีความระมัดระวังตลอดเวลาอุบัติเหตุก็ลดลง
        ส่วนสำคัญที่สุดในการทำงานของรถแทรกเตอร์คือ สตาร์ท คันเร่ง พวงมาลัย คลัช คันเกียร์ และเบรคก่อนจะสตาร์ทรถแทรกเตอร์ทุกครั้ง คนขับควรจะนั่งอยู่บนเบาะอย่างเรียบร้อยแล้ว รถแทรกเตอร์ส่วนมากจะมีระบบกลไกเพื่อความปลอดภัย เช่น ปลดเกียร์ให้อยู่ในตำแหน่งว่าง หรือเหยียบคลัชให้จมก่อนจึงสตาร์ทรถติดได้ เป็นต้น
        การขับรถแทรกเตอร์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ดึงเบรกมือให้ตึง
2. ปลดคันเกียร์ให้อยู่ในตำแหน่งว่าง และเหยียบคลัชลงไปให้จนเพื่อลดภาระของมอเตอร์สตาร์ท
3. ตั้งคันเร่งให้อยู่ในตำแหน่งระหว่างเร่ง 3/4 และเร่งสูงสุด
4. กดปุ่มดับให้อยู่ในตำแหน่งสตาร์ท
5. เปิดสวิตช์สตาร์ท
6. บิดสวิตช์สตาร์ท ถ้าเครื่องยนต์ยังสตาร์ทไม่ติดภายใน 30 วินาที ก็ให้ปล่อยสวิตช์สตาร์ทและรออีกประมาณ 30 วินาทีก่อนที่จะสตาร์ทใหม่อีกครั้งหนึ่ง การสตาร์ทบ่อยๆ โดยไม่หยุดทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้
7. เหยียบขาคลัชลงให้สุด
8. เข้าเกียร์ที่ต้องการ
9. ปลดเบรกมือลงให้สุด
10. ค่อยๆ ปล่อยขาเหยียบคลัช รถแทรกเตอร์จะเคลื่อนที่ช้าๆ
11. เร่งคันเร่งให้ได้ความเร็วตามที่ต้องการ
12. วางเท้าทั้งสองบนที่วางเท้า
13. บังคับพวงมาลัยไปตามทิศทางที่ต้องการ
        เมื่อจะดับเครื่องยนต์ก็ให้ดึงปุ่มดับไปยังตำแหน่งหยุด ซึ่งมีกลไกต่อไป ตัดน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ให้ไหลไปยังปั้มหัวฉีด แต่รถแทรกเตอร์บางคันอาจจะมีปุ่มดับที่ต้องกดลงถึงจะดับเครื่องได้
        ถ้าจะมีการฝึกขับตามลำดับขั้นตามที่กล่าวมา จะทำให้ขับรถแทรกเตอร์ได้โดยอัตโนมัติ แต่ก็มีข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยคือ ต้องรู้ว่าเบรคและคลัชอยู่ที่ไหน และควรจะทดลองเหยียบทั้งเบรคและคลัชพร้อมกันก่อนจะติดเครื่อง การเหยียบเบรคและคลัชพร้อมกันเป็นสิ่งแรกที่ควรจะทำเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินขึ้น
        หลังจากใช้เวลาฝึกสตาร์ทขับเดินหน้า ถอยหลังและหยุดรถแทรกเตอร์แล้ว การฝึกครั้งต่อไปคือการติดเครื่องมือ
         ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น รถแทรกเตอร์ปัจจุบันนิยมติดเครื่องมือเข้ากับระบบแขนยกอุปกรณ์แบบ 3 จุด
        วิธีการติดเครื่องมือเตรียมดินเข้ากับรถแทรกเตอร์ มีดังต่อไปนี้
1. ติดแขนกลางเข้ากับเครื่องมือและปล่อยทิ้งไว้
2. ลดแขนลาก
3. ถอยรถตรงไปยังเครื่องมือ โดยพยายามเล็งให้จุดกึ่งกลางของล้อหลังทั้งสองตรงกับจุดกึ่งกลางของเครื่องมือ หรือจุดกึ่งกลางของหูหิ้ว หรือบุ๊ชตาไก่ทั้งสองของเครื่องมือ และให้เพลาท้ายของรถขนานกับเครื่องมือ
4. เมื่อแขนยกอุปกรณ์ถึงหูหิ้ว หรือบุ๊ชตาไก่ที่ติดอยู่กับเครื่องมือ หยุดรถเข้าเกียร์ว่าง และดึงเบรคมือ
5. ลงจากรถ
6. ติดแขนลากข้างซ้ายเข้ากับหูหิ้วข้างซ้ายของเครื่องมือ ใส่สลัก
7. ติดแขนลากข้างขวาเข้ากับหูหิ้วข้างขวาของเครื่องมือ ใส่สลัก ถ้าแขนลากสูงหรือต่ำกว่าหู หิ้ว ปรับที่คันปรับระดับ
8. กลับขึ้นไปนั่งบนเบาะรถ และติดแขนกลางเข้ากับรูของหูพิเศษ ที่ท้ายรถ ถ้าไม่ตรงรูอาจจะปรับได้โดยการเลื่อนรถไปข้างหน้าหรือค่อยๆ ใช้ไฮดรอลิคยกเครื่องมือขึ้น
9. ใช้ไฮดรอลิคยกเครื่องมือขึ้นจากพื้น และขับรถออกไปยังที่ปฏิบัติงาน
        ในกรณีที่ขับรถแทรกเตอร์บนถนนควรจะเคารพกฎจารจร ความเร็วสูงสุดที่กฎหมายยอมให้ ใช้ได้คือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถ้าลากรถพ่วงก็ใช้ไม่เกิน ความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
        เมื่อขับรถแทรกเตอร์บนถนน คนขับรถควรจะตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ให้แน่ใจเสียก่อน
        1. เบรคต้องอยู่ในภาพดี อย่าลืมล็อคเบรคทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน
        2. กระจกส่องหลังต้องสะอาด และอยู่ในตำแหน่งที่มองข้างหลังได้ชัดเจนถึงแม้จะลากรถพ่วงอยู่
        3. ยางและระบบพวงมาลัยอยู่ในสภาพดี
        4. ดวงไฟหน้ารถตลอดจนไฟสัญญาณยังทำงานอยู่อย่างปกติ
รถไถเดินตาม
        ปัจจุบันเกษตรกรชาวไร่ชาวนาส่วนใหญ่หันมานิยมใช้รถไถแบบเดินตามกันมากขึ้น แทนที่จะใช้แรงงานวัวควายอย่างแต่ก่อน รถไถเดินตามที่ใช้ในบ้านเราส่วนใหญ่จะผลิตในประเทศไทย ซึ่งส่วนมากแล้วจะมีโครงสร้างการทำงานแบบง่ายๆ ซึ่งก็มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และลักษณะของงานตามสมควร รถไถเดินตามที่สั่งมาจากต่างประเทศก็มีใช้ แต่ราคาแพงกว่าที่ผลิตในประเทศไทยมาก เกษตรกรจะใช้รถไถเดินตามเป็นต้นกำลังในการไถเตรียมดินเสียเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นแล้วรถไถเดินตามยังสามารถนำไปใช้เป็นต้นกำลังในการทำงานอื่นๆ อีกมาก เช่น ใช้ลากเครื่องปลูกพืชลากจูงรถพ่วงขนถ่ายสิ่งของต่าง ๆ เครื่องยนต์ของรถไถสามารถใช้เป็นต้นกำลังในการฉุดเครื่องสูบน้ำได้อีกด้วย
        ส่วนประกอบของรถไถเดินตามส่วนใหญ่จะมีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกัน ต่างกันแต่เพียงขนาดซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามผู้ผลิต และความนิยมของเกษตรกรในท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ส่วนประกอบที่สำคัญของรถไถเดินตาม ได้แก่
โครงแขนยึดเครื่อง
        โครงแขนยึดเครื่องเป็นส่วนเชื่อติดกับห้องเฟือง และเป็นที่วางตำแหน่งของเครื่องยนต์ โดยมีแท่นเครื่องรองรับอีกชั้นหนึ่ง เครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่บนแท่นเครื่องสามารถเลื่อนไปมาได้ เมื่อคลายนอตที่ยึด
เครื่องยนต์
        เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นต้นกำลังในการขับเคลื่อนรถไถเดินตามส่วนใหญ่ติดเครื่องยนต์เบนซินที่มีขนาด 5-8 แรงม้า หรือเครื่องยนต์ดีเซลที่มีขนาด 8-12 แรงม้า เครื่องยนต์ดีเซลเป็นที่นิยมใช้มากกว่า ถึงแม้ว่าเครื่องยนต์เบนซินจะมีข้อดีที่ราคาต้นทุน และค่าซ่อมบำรุงต่ำ เพราะเครื่องยนต์ดีเซลมีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานหนัก ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงถูกกว่า นอกจากนั้นยังให้แรงม้าสูงที่รอบต่ำทำให้อัตราทดของเกียร์ และขนาดของห้องเกียร์ลดลง สำหรับเครื่องยนต์ที่วางอยู่บนโครงแขนยึดเครื่องนั้น สามารถจะเลื่อนไปมาได้ตลอดแนว เพื่อความสะดวกในการปรับตั้งความตึงของสายพานที่ส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังห้องเฟืองอีกด้วย
ห้องเฟือง
        ห้องเฟือง ทำหน้าที่ทดกำลังที่ส่งมาจากเครื่องยนต์ออกไปหมุนล้อโดยอาศัยเฟือง และโซ่ หรือเฟืองเพียงอย่างเดียว แต่ระบบเฟืองและโซ่ในปัจจุบันเริ่มเสื่อมความนิยมใช้ เนื่องจากเมื่อใช้ไปนานๆ โซ่จะหย่อน ต้องมีการปรับความตึงของโซ่บ่อยๆ นอกจากนั้นยังทำให้ห้องเกียร์มีขนาดใหญ่เทอะทะ แต่ข้อดีก็มีคือราคาถูกกว่า
สายพาน
        สายพาน เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการส่งกำลังออกจากเครื่องยนต์ไปยังห้องเฟืองผ่านมู่เล่ โดยมีลูกเตะสายพานเป็นตัวที่ทำให้สายพานตึงหรือหย่อน โดยปกติสาวพานที่ใช้มักจะเป็นคู่ เพื่อลดการลื่นที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างสายพานกับมู่เล่ ส่วนมู่เล่นั้นอาจจะเป็นแบบเถา ซึ่งทำให้สามารถเปลี่ยนอัตราทดรอบระหว่างเครื่องยนต์ และห้องเฟืองได้ 2 ขนาด คือ ทดรอบช้า สำหรับไถ และทดรอบเร็ว สำหรับการขนส่งหรือเคลื่อนย้าย
ล้อ
        ล้อของรถไถเดินตาม เป็นล้อที่ทำด้วยเหล็กมีแผ่นครีบติดอยู่ใต้ล้อ ทำให้มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า ตีนเป็ด แผ่นครีบนี้ทำหน้าที่ตะกุยดินไม่ให้ลื่นขณะทำงาน นอกจากนั้นยังช่วยพยุงไม่ให้รถไถจมในขณะที่กำลังใช้งานในดินเหลว ล้อเหล็กนี้เหมาะสำหรับทำงานในนา ถ้าเป็นงานในไร่ รถจะกระเทือนมาก ทำให้ผู้ใช้เหนื่อยง่าย ดังนั้น ถ้าจะใช้งานในไร่หรือถนนก็ควรจะใช้ล้อยางหรือเชื่อมวงเหล็กกลมบนแผ่นครีบของวงล้อ
คันบังคับ
        คันบังคับที่สำคัญของรถไถเดินตาม คือ มือจับที่ใช้สำหรับบังคับทิศทาง ซึ่งติดอยู่ปลายโครงแขนที่ต่อออกมาจากหลังห้องเฟือง โครงแขนนี้มักจะฉีกหักเสียหายก่อนส่วนอื่น โดยเฉพาะรถไถเดินตามประเภทผลักเลี้ยว ซึ่งต้องใช้แรงเหนี่ยวโหนขณะเลี้ยวสูง เพราะฉะนั้นโครงแขนนี้จึงยาวกว่าประเภทอื่น ซึ่งเป็นผลทำให้การนำไปใช้งานในแปลงขนาดเล็กไม่สะดวก ถ้าเป็นรถไถประเภทบีบเลี้ยวก็จะมีสายและก้านบีบเลี้ยวอยู่ที่มือจับ ถ้าเป็นรถไถประเภทที่มีเกียร์ก็จะมีคันเกียร์เพิ่มขั้นมา สำหรับส่วนประกอบขั้นพื้นฐาน ซึ่งเหมือนกันก็มีคันเร่งเครื่อง และคันชักลูกเตะสายพาน
        รถไถเดินตามที่นิยมใช้กันอยู่ปัจจุบันนี้ เป็นรถที่ผลิตโดยคนไทย รวมทั้งอุปกรณ์ติดตั้ง และชิ้นส่วนต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
ประเภทผลักเลี้ยว
        รถประเภทนี้ไม่มีระบบช่วยเลี้ยว ถ้าจะเลี้ยวก็ต้องผลักที่มือจับให้รถเลี้ยวไปทางด้านที่ต้องการ ดังนั้นจึงเหมาสำหรับการไถในแปลงเพราะปลูกที่มีขนาดใหญ่เพราะไม่มีการเลี้ยงรถบ่อยๆ รถไถเดินตามประเภทนี้แบ่งออกเป็นแบบ 3 เพลา และ 4 เพลา ในที่นี้จะหมายถึงเพลาที่อยู่ในห้องเฟือง แต่โดยเหตุที่ว่าขนาดของห้องเฟืองมีขนาดเท่าๆ กัน รถไถแบบ 4 เพลา จึงมีระยะห่างระหว่างเพลาน้อยกว่าแบบ 3 เพลา จึงทำให้โซ่ขาดง่ายกว่าแบบ 3 เพลา แต่แบบ 4 เพลามีข้อดีคือ อัตราทดรอบรอบระหว่างเพลาแต่ละคู่ต่ำกว่าแบบ 3 เพลา ทำให้ประสิทธิภาพของการส่งกำลังดีกว่า